ทันใดที่ผมเห็นหนังสือที่มีปกสีเขียวสดใส
และมีตัวอักษรเป็น ชื่อหนังสือว่า “กินกบตัวนั้นซะ Eat that Frog!”
อยู่บนปกสีเขียวสดใสนั้น
ผมก็เกิดความสงสัยว่า “กบอะไรฟ่ะ”
แล้วทำไมต้อง “กินตัวนั้นซะ!”
ด้วย “ความสงสัย” แบบหงุดหงิดข้างต้น
ทำให้ผมใช้เวลาครึ่งวัน ในการอ่านหนังสือเล่มนี้
ที่มีจำนวนกว่า 150 หน้าเศษ ซึ่งมีผู้เขียน
เป็นนักสร้างแรงบันดาลใจ และโค้ชระดับโลก
ที่มีนามว่า “Brian Tracy”
เมื่อผมอ่านจบ ผมก็เกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
ว่า อะไร คือ “กบ” แล้วทำไม ต้องกิน “กบ” ตัวนั้น
มาฟังคำตอบกัน
ผมขอบอกเลยว่า หากท่านอ่านคำตอบนี้จบจน
ท่านจะซาบซึ้งตรึงใจเลยว่า การเรียนรู้การกิน “กบตัวนั้นซะ”
มันจะเปลี่ยนชีวิตของท่านให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์
ใครที่ไม่เชื่อคำพูดข้างต้นของผม ก็จงอย่าอ่านต่อครับ
มันจะทำให้ท่านเสียเวลา
เอาล่ะเรามาเริ่มกันที่ความหมายของ “กบ” ก่อน
กบ ในความหมายของ Brian Tracy
ก็คือ กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตของท่าน
กิจกรรมในชีวิตของคนเรานั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
ประเภทที่หนึ่ง คือ กิจกรรมที่สำคัญยิ่งในชีวิตของเรา
กิจกรรมประเภทนี้ จะมีจำนวนประมาณ 20%
ของกิจกรรมทั้งหมดที่เราเกี่ยวข้อง
เจ้ากิจกรรมสำคัญในชีวิตนี่แหละ คือ
“กบตัวนั้น” ในความหมายของ Brian
ประเภทที่สอง คือ กิจกรรมที่สำคัญน้อย หรือ
กิจกรรมที่อาจจะไม่สำคัญเลย กิจกรรมประเภทนี้
จะมีจำนวนประมาณ 80% ของกิจกรรมทั้งหมด
ที่เราเกี่ยวข้อง หรือ “กบตัวอื่นๆ” ที่ไม่ใช่ “กบตัวนั้น”
เป็น “กบตัวเล็กตัวน้อย” นั่นเอง
ความสำเร็จแบบสุดๆ ใช่ แบบสุดๆ ของท่าน
หรือ ของผม หรือ ของคนไหนๆ ในโลกนี้
ขึ้นอยู่กับว่า เราจัดสรรการใช้เวลาให้กับกิจกรรม
2 ประเภทนี้อย่างไร
คนที่ประสบความสำเร็จแบบสุดๆ ในชีวิต
คือคนที่ใช้เวลา 80% ในการจัดการกับกิจกรรม
สำคัญๆ ในชีวิต หรือ ใช้เวลา 80% ในการจัดการ
กับ “กบตัวนั้น” และ ใช้เวลาที่เหลือ
อีก 20% จัดการกับกิจกรรมที่เหลือ หรือ กบตัวเล็ก
ตัวน้อย
ในทางตรงกันข้าม คนที่ล้มเหลวแบบสุดๆ
คือคนที่ใช้เวลา 80% ไปกับกิจกรรมที่ไม่สำคัญในชีวิต
หรือ “กบตัวเล็กตัวน้อย” แถมยังผัดวันประกันพรุ่ง
ในการจัดการกับ “กบตัวนั้น”
ด้วยการให้เวลาแค่ 20% กับกิจกรรมที่สำคัญในชีวิต
คือพูดง่ายๆ ว่า เสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับเรื่องไร้สาระ
หรือเรื่องที่ไม่สำคัญ หรือ “กบตัวเล็กตัวน้อย” นั่นเอง
แล้วท่านเป็นคนกลุ่มไหน
คนที่ประสบความสำเร็จแบบสุดๆ
คนที่ล้มเหลวแบบสุดๆ
หรือ แบบว่าเป็นกลุ่ม Hybrid
ที่มีทั้งความสำเร็จ และความล้มเหลว
คละเคล้ากันไป
สิ่งที่กล่าวไปข้างต้น ก็คือ กฎ 20/80
หรือ กฎของพาเรโต ที่สามารถนำไป
ประยุกต์ใช้ได้ทุกเรื่องในชีวิต
และเป็นหัวใจสำคัญของหนังสือเล่มนี้
เลยทีเดียว
แน่นอนใครๆ ก็อยากเป็นคนที่ประสบ
ความสำเร็จแบบสุดๆ
แต่ประเด็นก็คือ จะทำให้เป็นจริงๆ นี่ซิ
ไม่ใช่เรื่องหมูๆ
เพราะการจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแบบสุดๆ
นั้นจะต้องอาศัยสิ่งๆ หนึ่ง ที่เรียกว่า “นิสัยแห่งความสำเร็จ”
หรือ ที่ Brian เรียกมัน “นิสัยที่เลือกกินกบตัวนั้นซะ”
นี่แหละคือความยากของมัน
ไอ้เจ้าการสร้าง “นิสัยกินกบตัวนั้นซะ”
Brian แนะนำเคล็ดลับ 21 กฏในการสร้าง
“นิสัยกินกบตัวนั้นซะ” ไว้ในหนังสือ
แต่ผมขอสรุปในสไตล์ของ Strategic Man
ให้เข้าใจได้สั้นๆ ง่ายๆ ดังนี้
ท่านพร้อมหรือยัง
หากท่านพร้อมแล้ว ให้ท่าน
หยิบกระดาษ A4 ขึ้นมา แล้วเขียนสิ่งต่อไปนี้
ให้ชัดๆ ลงไปในกระดาษ A4 นี้
หนึ่ง กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนแบบโคตรๆ
ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ท่านต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนแบบโคตรๆ
คำว่า “เป้าหมายที่ชัดเจนแบบโคตร” นี้ ก็คือ
เป้าหมายแบบ SMART GOAL นั่นเอง
นั่นคือ มีความเฉพาะเจาะจง, วัดผลได้,
มีความท้าทายแต่ต้องเป็นไปได้,
สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสิ่งที่จะทำ
และท้ายที่สุด ต้องมีเวลาเริ่มต้น และเวลาที่สิ้นสุด
ที่ชัดเจนแน่นอน
ให้เวลาท่าน 30 วินาที เขียนเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน
ในลักษณะ SMART Goal
จำนวน 3 เป้าหมาย ลงในกระดาษ A4
สอง แตกเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อยๆ
แบ่งเป้าหมายในข้อสอง ออกเป็นเป้าหมายย่อยๆ
ยกตัวอย่างเช่น หากเป้าหมายที่ตั้งไว้ใช้เวลา 3 เดือน
ให้ท่านแบ่งเป้าหมายออกเป็น เป้าหมายในแต่ละเดือน
ต่อจากนั้นให้แบ่งเป้าหมายแต่ละเดือนออกเป็น
เป้าหมายประจำสัปดาห์ และถ้าจะให้ดีเลิศประเสริฐศรี
ให้แบ่งเป้าหมายประจำสัปดาห์ เป็นเป้าหมายประจำวัน
แล้วเขียนเป้าหมายเหล่านั้น ลงไปในกระดาษ A4
การที่ท่านแบ่งเป้าหมายออกเป็นเป้าหมายย่อย
จะทำให้ท่านไม่รู้สึกกังวลกับเป้าหมายใหญ่
มากเกินไป จนทำให้ท่านสติแตก
ในทางตรงกันข้าม ท่านจะรู้สึกชิลๆ
กับเป้าหมายระยะสั้น ที่จะทำให้ท่าน
รู้สึกสนุกกับกระบวนการที่จะทำให้
บรรลุเป้าหมายสั้นๆ เหล่านั้น
ความรู้สึกสนุก ที่เกิดขึ้นจากการ
บรรลุเป้าหมายไปทีละเล็ก ทีละน้อย
จะทำให้สมองของท่าน หลั่งสาร “เอนโดฟิน”
หรือ สารแห่งความสุข อย่างต่อเนื่อง
เมื่อรู้สึก “สุข” อย่างต่อเนื่อง
ท่านจะรู้สึกสนุกกับกระบวนการ
ความสำเร็จเล็กๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และโดยที่ท่านไม่รู้ตัว เป้าหมายใหญ่
ก็สามารถบรรลุได้ แบบที่ท่านงงๆ ว่า
สำเร็จได้ไง (ฟ่ะ)
สาม แปลงเป้าหมายเป็นกิจกรรม
ในแต่ละเป้าหมายท่านแยกแยะออกมาว่า
อะไรคือ กิจกรรมที่สำคัญที่สุด 3 อันดับแรก
และอะไรคือ กิจกรรมที่สำคัญน้อยกว่ากิจกรรม
3 อันดับนั้น
แล้วเขียนกิจกรรมเหล่านั้น ลงไปในกระดาษ A4
การแยกแยะกิจกรรม ก็ให้ทำให้ทำนองเดียว
กันกับการแบ่ง หรือ แยกแยะเป้าหมายที่
ผมกล่าวไปข้างต้น
สี่ จัดทำ Action Plan
แบบว่า เอากิจกรรมที่ท่านแยกแยะออกมา
ในขั้นตอนที่สาม มาจัดทำเป็นแผนตามหลักการ
5 W 1 H หรือ ทำอะไร (What), ทำทำไม (Why), ทำเมื่อไร (When)
ทำกับใคร (Who), ทำที่ไหน (Where) และ ทำอย่างไร (How)
กิจกรรมที่ต้องแยกแยะให้ชัดสุดๆ คือ
กิจกรรมที่สำคัญยิ่ง หรือ “กบตัวนั้น” นั่นเอง
การแยกแยะนี้ Brian เรียกมันว่า
การชำแหละ “กบตัวนั้น” ออกเป็น
ส่วนๆ ให้กินได้ง่ายๆ
หากท่านย่อมเสียเวลาชำแหละ “กบตัวนั้น”
จะทำให้ท่านมีเวลาเพิ่มในกิน “กบตัวนั้น”
ได้อย่างเอร็ดอร่อย
กล่าวคือ เวลา 1 นาทีที่เราเสียไปกับ
การชำแหละ หรือ การวางแผน จะทำให้เรา
มีเวลาเพิ่มขึ้น ในตอนลงมือทำถึง 10 นาที
หรือ 10 เท่านั่นเอง
ห้า...ลงมือทำ
ข้อนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก
หากคิดแล้ว วางแผนแล้ว
แต่ไม่ลงมือทำ มันคือความเพ้อเจ้อนั่นเอง
ดังนั้น ต้องลงมือทำ หรือ ลงมือกิน “กบตัวนั้น”
หก กระตุ้นเตือนตนเองด้วยการนึกถึงเป้าหมาย
คนส่วนใหญ่จะกระตือรือร้นในช่วงแรก
แต่พอผ่านไปสักระยะหนึ่งจะเริ่มแผ่ว
หากยังปล่อยให้แผ่วๆ ไปเรื่อยๆ
ต่อไปจะล้มเลิกสิ่งนั้น
ดังนั้นจะต้องนึกถึงเป้าหมาย
ในแต่ละช่วงเวลาอยู่เสมอเพื่อกระตุ้นตนเอง
ให้ลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
และเมื่อจิตใต้สำนึกยอมรับสิ่งเหล่านี้แล้ว
มันจะกลายเป็นนิสัยแห่งความสำเร็จ
แบบ Auto Pliot เลย
ขั้นตอนที่หกนี่แหละ
เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ท่าน
เกิดนิสัยในการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือ 6 ขั้นตอนสำคัญในการค้นหา
และ กิน “กบตัวนั้น” ภายใต้กฎ 20/80
ที่ผม Strategic Man สรุปจากหนังสือ
“กินกบตัวนั้นซะ” ของ Brian Tracy
แต่พระเจ้าจอร์จ มันมีกลเม็ดเคล็ดลับ
อีกเยอะแยะตาแป๊ะไก๋ ในหนังสือเล่มนี้
ผม Strategic Man ของเอาไปเล่าในตอนต่อไป
ซึ่งก็คือ Episode 2 ซึ่งเป็นตอนจบล่ะกันนะครับ
หากท่านคิดว่าเป็นประโยชน์ กรุณา Share
ไปให้เพื่อนๆ ของท่านด้วยครับ
.
Comment