Brandon Dawson ที่ปรึกษา ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น บรรษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของผลิตภัณฑ์โปรแกรมบริหารฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และผู้ก่อตั้ง Cardone Venture บริษัทที่ปรึกษาและให้เงินทุนกับเหล่า Startup ที่มีศักยภาพ โดยวงเงินที่ลงทุนใน Startup เหล่านี้ เริ่มต้นตั้งแต่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ถึง 50 ล้านเหรียญสหรัฐ และเหล่า Startup ภายใต้การดูแลของ Venture Capital ส่วนใหญ่แล้วจะมีอัตราการเติบโตมากกว่า 10 เท่า หรือ 10X จากจุดเริ่มต้น

Brandon กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนในบริษัทเหล่านี้ ให้เติบโต เป็น 10 เท่า มีอยู่ด้วยกัน 6 สิ่งดังต่อไปนี้

ร้อยเรียงทุกสิ่งให้เชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์

จุดเริ่มต้นของความสำเร็จของทุกธุรกิจในโลกนี้ ไม่ว่าจะมีขนาดเล็กแค่ไหน หรือ ขนาดใหญ่เพียงใดก็ตาม ธุรกิจนั้นจะต้องมีวิสัยทัศน์ ที่ชัดเจน ท้าทาย แต่เป็นไปได้

ผู้ประกอบการ หรือ เจ้าของธุรกิจ จะต้องถ่ายทอด หรือ เชื่อมโยงวิสัยทัศน์นี้ ไปสู่กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจ

• จากวิสัยทัศน์จะถูกถ่ายทอดสู่กลยุทธ์หลัก หรือ Grand Strategy
• จาก Grand Strategy จะถูกถ่ายทอดสู่ กลยุทธ์ระดับธุรกิจ หรือ Business Strategy ซึ่งมี 2 เรื่องหลักๆ ที่ต้องคำนึงถึง นั่นคือ จะแข่งขันอย่างไรให้เหนือกว่าคู่แข่ง และจะร่วมมือกับพันธมิตรรายใด ที่จะมาช่วยลดจุดอ่อนของเรา
• จาก Business Strategy เชื่อมโยงไปสู่กลยุทธ์ระดับหน้าที่ หรือ Functional Strategy ซึ่งเป็นเรื่องของกระบวนการหลัก หรือ กิจกรรมหลักที่สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจ
• จาก Functional Strategy ก็จะถูกเชื่อมโยง หรือ ถ่ายทอดไปสู่กลยุทธ์ระดับสนับสนุน หรือ Support Strategy ว่าด้วยเรื่อง การใช้คนอย่างไร ใช้เงินอย่างไร หรือ ใช้เทคโนโลยี เช่น ดิจิทัลเทคโนโลยี มาสนับสนุนเกื้อกูลให้เกิดประสิทธิผลต่อกลยุทธ์ระดับหน้าที่

หากทุกสิ่งทุกเชื่อมโยงกันในลักษณะนี้ ธุรกิจก็จะขับเคลื่อนกันไปอย่างประสานสอดคล้อง ดุจดั่ง Conductor เก่งๆ นำวงออร์เคสตร้า ให้รังสรรค์บทเพลงที่ยิ่งใหญ่

มีทักษะ และ Mindset ที่ อินกับวิสัยทัศน์

การมีลูกน้อง หรือ บุคลากร ในธุรกิจหนึ่ง แน่นอนจะต้องเลือกคนที่มีทักษะตรงกับงานที่ต้องการให้ทำในปัจจุบัน การมีทักษะที่ตรงกับงานที่รับผิดชอบ ย่อมทำให้ผลงานดีตามไปด้วย แต่นี่เป็นเรื่องของปัจจุบันเท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอรองรับอนาคต ที่ธุรกิจจะต้องเดินไปสู่เป้าหมายตามวิสัยทัศน์

ดังนั้น นอกเหนือจากทักษะ หรือ Skill แล้ว ธุรกิจหนึ่งจะต้องสร้าง Mindset ของลูกน้อง ให้ อินกับ Vision หรือ วิสัยทัศน์ ของธุรกิจด้วย แบบว่า เจ้าของธุรกิจ หรือ ผู้ประกอบการ อิน อย่างไร ก็ต้องกระตุ้น หรือ Motivate ให้ลูกน้องอินให้เหมือนกับตนเอง หรือ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

การที่ลูกน้องในธุรกิจ อินกับการไปสู่วิสัยทัศน์ เขาก็จะพัฒนาตนเอง ให้ทักษะ ให้มีประสบการณ์ เพียงพอ หรือ สอดรับกับการก้าวไปสู่วิสัยทัศน์....ด้วยตัวของเขาเอง

ต้องสร้างตัวตาย ตัวแทน

การที่จะทำให้ธุรกิจโตเป็น 10 เท่า ต้องสร้างคนเก่งๆ ขึ้นไปในทุกระดับ ยกตัวอย่างเช่น ลูกน้อง หรือ พนักงาน คนหนึ่งๆ อาจจะมีความเก่งกาจ และประสบการณ์มากพอ ก็จะถูกขยับให้มาทำงานบริหาร แต่ต้องตระหนักถึงความจริง ข้อหนึ่ง คือ หากเราขยับคนนี้ ให้มาทำงานบริหาร สิ่งที่ตามมาก็คือ เราจะขาดคนทำงาน ในงานที่ลูกน้องคนนี้ รับผิดชอบทันที ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่องานปัจจุบันที่ลูกน้องคนนี้รับผิดชอบอยู่

ดังนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างตัวตาย ตัวแทน ไว้ เพื่อให้สามารถทำงานทดแทน คนที่จะเติบโตไปสู่ระดับผู้บริหารได้ ซึ่งหากมีตัวตาย ตัวแทน ธุรกิจก็จะโตได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ชะงักงัน

มองทะลุในทุกกระบวนการธุรกิจ

การสร้างธุรกิจให้เติบโตเป็น 10 เท่า ผู้ประกอบการ หรือ เจ้าของธุรกิจ หรือ ผู้บริหาร ต้องกระจ่างแจ้งในทุกกระบวนการในธุรกิจของตนเอง แบบว่า หลับตาปุ๊บ ก็สามารถเห็นภาพการทำงานได้ดั่งลืมตา

ความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งดังกล่าว จะทำให้สามารถ วางแผนงานได้ และ ใช้คนเป็น เมื่อวางแผนงานได้ และใช้คนเป็น งานก็เป็นไปตามแผน เป็นไปตามเป้าหมาย

แน่นอนที่สุด ธุรกิจก็จะโตได้ตามเป้าหมาย อย่างมีประสิทธิผล

แลกเปลี่ยนข้อมูลกันภายในอย่างโปร่งใส

ปัจจัยที่สำคัญยิ่งอีกประการหนึ่ง ที่จะทำให้ธุรกิจหนึ่งสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ก็คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งสิ่งดีๆ และ ข้อผิดพลาดต่างๆ โดยไม่มีการหมกเม็ดข้อมูลซึ่งกันและกัน

สาเหตุที่บางธุรกิจเติบโตได้ไม่ตามเป้าหมาย เนื่องจากมีความไม่โปร่งใส หรือ มีการกั๊กข้อมูลระหว่างพนักงานในธุรกิจนั้นกันเอง ส่งผลให้ระดับการเรียนรู้ในการแก้ไขปัญหา หรือ สร้างสิ่งใหม่ๆ ไม่ดีนัก เมื่อการเรียนรู้ช้า แน่นอน การเติบโตก็ช้า

เทคนิคในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ดีที่สุด ก็คือ จัดให้มีการประชุมประจำสัปดาห์ ในระดับคนทำงาน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และตัวผู้ประกอบการ หรือ เจ้าของธุรกิจ ก็ต้องส่งเสริม หรือ Motivate ในการทำกิจกรรมดังกล่าว

{ads_seminar}

จะบริหารการเปลี่ยนแปลงได้ ต้องวัดผลลัพธ์ได้

มีคำกล่าวในเชิงบริหารจัดการว่า “If you cannot measure, you cannot manage” หรือ “หากเราไม่สามารถวัดผลลัพธ์ของสิ่งที่เราทำ เราก็ไม่สามารถบริหารจัดการมันได้”

ดังนั้น ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม เหนื่อยหนัก แค่ไหน มุ่งมั่นแค่ไหน พากเพียรแค่ไหน แต่หากเราไม่สามารถวัดผลลัพธ์ของสิ่งที่เราทำ ดังที่กล่าวไปแล้วไม่ได้ ....ก็เปรียบได้ดั่ง เราล้มเหลวในการทำสิ่งเหล่านั้น

ในการวัดผลลัพธ์ ธุรกิจหนึ่งสามารถกำหนดตัวชี้วัด สำคัญ ขึ้น 3-5 ตัวชี้วัด ยกตัวอย่างเช่น ยอดขาย, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, การเรียนรู้ของพนักงาน, ระดับความคิดเห็นของลูกค้า และอื่นๆ เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวชี้วัด สำคัญ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของวิสัยทัศน์

นี่คือ 6 สิ่งที่ธุรกิจหนึ่งๆ จะต้องทำให้เกิดขึ้น หากต้องการเติบโตในระดับ 10 X

ที่มา: https://www.entrepreneur.com/